มาตรฐานงานเขียนแบบ
สาระการเรียนรู้
เพื่อให้การเขียนแบบเป็นไปในแนวทางเดียวกัน การปฏิบัติงานจึงมีมาตรฐานในการเขียนแบบ โดยเฉพาะชนิดของเส้นรและตัวอักษรที่ใช้ในการเขียนแบบ จะต้องมีมาตรฐานเป็นสากล ทำให้ผู้ปฏิบัติงานทำความเข้าใจกันได้ง่าย การที่เป็นรูปแบบอันเดียวกันทำให้ข้อมูลพื้นฐานเป็นไปในแนวเดียวกัน สามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานที่
เพื่อให้การเขียนแบบเป็นไปในแนวทางเดียวกัน การปฏิบัติงานจึงมีมาตรฐานในการเขียนแบบ โดยเฉพาะชนิดของเส้นรและตัวอักษรที่ใช้ในการเขียนแบบ จะต้องมีมาตรฐานเป็นสากล ทำให้ผู้ปฏิบัติงานทำความเข้าใจกันได้ง่าย การที่เป็นรูปแบบอันเดียวกันทำให้ข้อมูลพื้นฐานเป็นไปในแนวเดียวกัน สามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานที่
เนื้อหา
1. เส้น
2. มาตราส่วน
3. ตัวอักษร
1. เส้น
2. มาตราส่วน
3. ตัวอักษร
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกลักษณะของเสนและมาตราส่วนที่ใช้ในงานเขียนแบบได้
2. เลือกใช้เส้นในงานเขียนแบบได้ถูกต้อง
3. ใช้มาตราส่วนย่อและขยายในงานเขียนแบบได้
4. บอกประเภทของตัวอักษรได้
5. สามารถเขียนตัวเลขและตัวอักษรได้
1. บอกลักษณะของเสนและมาตราส่วนที่ใช้ในงานเขียนแบบได้
2. เลือกใช้เส้นในงานเขียนแบบได้ถูกต้อง
3. ใช้มาตราส่วนย่อและขยายในงานเขียนแบบได้
4. บอกประเภทของตัวอักษรได้
5. สามารถเขียนตัวเลขและตัวอักษรได้
งานเขียนแบบเป็นเครื่องมือที่ใช้สื่อสารกันระหว่างผู้เขียนแบบ
ผู้ออกแบบกับช่างผู้ผลิตงานเขียนแบบจึงต้องกำหนดมาตรฐานเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน
และในงานเขียนแบบก็มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะและประเภทงาน
ในที่นี้จะกล่าวถึงในส่วนที่เป็นเบื้องต้นทั่วไป ได้แก่เส้น มาตราส่วน และตัวอักษร
1. เส้น
ลักษณะของเส้นในงานเขียนแบบไมาว่าจะเป็นเส้นที่เขียนด้วยดินสอหรือใช้เขียนด้วยปากกาเขียนแบบ ขนาดของเส้นจะต้องคงที่สม่ำเสมอและเลือกใช้ให้ถูกกับลักษณะของเส้นนั้นๆ เส้นจะเป็นตัวกำหนด ขนาดและลักษณะรูปร่างของวัตถุ ซึ่งการเขียนรูปร่างของวัตถุนั้นต้องใช้เส้นชนิดต่างๆ หลายชนิดด้วยกัน เช่น เส้นขอบรูป เส้นประ เส้นเล็กศูนย์กลาง ฯลฯ เส้นที่ใช้ในการเขียนแบบกำหนดความหนาของเส้นตามระบบ ISO ซึ่งกำหนดเป็นมาตรฐานสากล
ลักษณะของเส้นในงานเขียนแบบไมาว่าจะเป็นเส้นที่เขียนด้วยดินสอหรือใช้เขียนด้วยปากกาเขียนแบบ ขนาดของเส้นจะต้องคงที่สม่ำเสมอและเลือกใช้ให้ถูกกับลักษณะของเส้นนั้นๆ เส้นจะเป็นตัวกำหนด ขนาดและลักษณะรูปร่างของวัตถุ ซึ่งการเขียนรูปร่างของวัตถุนั้นต้องใช้เส้นชนิดต่างๆ หลายชนิดด้วยกัน เช่น เส้นขอบรูป เส้นประ เส้นเล็กศูนย์กลาง ฯลฯ เส้นที่ใช้ในการเขียนแบบกำหนดความหนาของเส้นตามระบบ ISO ซึ่งกำหนดเป็นมาตรฐานสากล
การเลือกใช้เส้นจะต้องใช้ให้ถูกกับชนิดของเส้น
ให้คำนึงถึงขนาดและความหนาของเส้นที่กำหนดไว้ โดยทั่วไปจะใช้ในลักษณะของค่าประมาณ
ลักษณะของเส้น ไม่ว่าจะเขียนด้วยดินสอหรือใช้ปากกาเขียนด้วยน้ำหมึกนั้น
ขนาดของเส้นจะต้องคงที่สม่ำเสมอและเลือกใช้ให้ถูกกับลักษณะของเส้นนั้นๆ
ขนาดของเส้นที่ใช้ปากกาจะทำให้ได้เส้นคงที่สม่ำเสมอกัน
ส่วนขนาดของเส้นที่ใช้ดินสอจะขึ้นอยู่กับขนาดของใส้ดินสอและการเอียงดินสอ
2. มาตราส่วน
แบบงานส่วนมากจะเขียนแบบเท่ากับชิ้นงานจริง บางครั้งชิ้นงานมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถเขียนลงบนกระดาษเขียนแบบได้ จำเป็นต้องย่อขนาดลง ในขณะเดียวกันถ้าชิ้นงานมีขนาดเล็กมาก ในการที่จะเขียนเท่าขนาดจริงนั้นจะทำให้แบบไม่ชัดเจน มีขนาดเล็ก การเขียนหรือการอ่านแบบจะทำได้ยาก จำเป็นต้องเขียนแบบขยายเพิ่มใหญ่ขึ้น มาตราส่วนที่ใช้ในการเขียนแบบจึงมีส่วนจำเป็นมาก โดยแบ่งมาตราส่วนที่ใช้ในการเขียนแบบออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. มาตราส่วนจริง ขนาดของชิ้นงานที่เขียนแบบจะมีขนาดเท่าของจริง สัญลักษณ์ 1 : 1 ซึ่งมีขนาดเท่ากับของจริงนั้นๆ
2. มาตรราส่วนย่อ ขนาดของแบบงานจะย่อเล็กลงตามความเหมาะสม ซึางมีสัดส่วนดังนี้ 1 : 2, 1 : 5, 1 : 10, 1 : 100, 1 : 1000 ฯลฯ เลข 1 หมายถึง ขนาดจริง และ เลข 2 หมายถึง ย่อขนาดลงหรือครึ่งหนึ่งของของจริง นั่นคือ เป็นต้น มีใช้งานหลายขนาด ดังแสดงในตารางที่ 3
3. มาตราส่วนขยาย ขนาดของแบบงานจะขยายใหญ่กว่าแบบจริงที่กำหนด เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ เช่น 2 : 1 ซึ่งเลข 1 หมายถึงขนาดจริง เลข 2 หมายถึงขยายขนาดขึ้นเป็น 2 เท่า นั่นคือ เป็นต้น
แบบงานส่วนมากจะเขียนแบบเท่ากับชิ้นงานจริง บางครั้งชิ้นงานมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถเขียนลงบนกระดาษเขียนแบบได้ จำเป็นต้องย่อขนาดลง ในขณะเดียวกันถ้าชิ้นงานมีขนาดเล็กมาก ในการที่จะเขียนเท่าขนาดจริงนั้นจะทำให้แบบไม่ชัดเจน มีขนาดเล็ก การเขียนหรือการอ่านแบบจะทำได้ยาก จำเป็นต้องเขียนแบบขยายเพิ่มใหญ่ขึ้น มาตราส่วนที่ใช้ในการเขียนแบบจึงมีส่วนจำเป็นมาก โดยแบ่งมาตราส่วนที่ใช้ในการเขียนแบบออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. มาตราส่วนจริง ขนาดของชิ้นงานที่เขียนแบบจะมีขนาดเท่าของจริง สัญลักษณ์ 1 : 1 ซึ่งมีขนาดเท่ากับของจริงนั้นๆ
2. มาตรราส่วนย่อ ขนาดของแบบงานจะย่อเล็กลงตามความเหมาะสม ซึางมีสัดส่วนดังนี้ 1 : 2, 1 : 5, 1 : 10, 1 : 100, 1 : 1000 ฯลฯ เลข 1 หมายถึง ขนาดจริง และ เลข 2 หมายถึง ย่อขนาดลงหรือครึ่งหนึ่งของของจริง นั่นคือ เป็นต้น มีใช้งานหลายขนาด ดังแสดงในตารางที่ 3
3. มาตราส่วนขยาย ขนาดของแบบงานจะขยายใหญ่กว่าแบบจริงที่กำหนด เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ เช่น 2 : 1 ซึ่งเลข 1 หมายถึงขนาดจริง เลข 2 หมายถึงขยายขนาดขึ้นเป็น 2 เท่า นั่นคือ เป็นต้น
3. ตัวอักษร
แบบตัวอักษรที่ใช้ในงานเขียนแบบ จะต้องเป็นแบบตัวอักษรที่เขียนแล้วสามารถอ่านได้ง่ายและขนาดเหมาะสมกับแบบที่เขียน ซึ่งถ้าไม่เหมาะสมแล้วจะทำให้แบบที่เขียนนั้นดูไม่สวยงามและไม่เป็นระเบียบ ดังนั้นแบบตัวอักษรจึงมีความสำคัญต่องานเขียนแบบมาก การกำหนดมาตรฐานของตัวอักษรแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ตัวอักษรโรมัน และตัวอักษรภาษาไทย
1. ตัวอักษรโรมัน และตัวเลขอารบิคที่ใช้ในงานเขียนแบบมี 2 ชนิด คือ
1.1 ตัวอักษรแบบตรง ตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520)
แบบตัวอักษรที่ใช้ในงานเขียนแบบ จะต้องเป็นแบบตัวอักษรที่เขียนแล้วสามารถอ่านได้ง่ายและขนาดเหมาะสมกับแบบที่เขียน ซึ่งถ้าไม่เหมาะสมแล้วจะทำให้แบบที่เขียนนั้นดูไม่สวยงามและไม่เป็นระเบียบ ดังนั้นแบบตัวอักษรจึงมีความสำคัญต่องานเขียนแบบมาก การกำหนดมาตรฐานของตัวอักษรแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ตัวอักษรโรมัน และตัวอักษรภาษาไทย
1. ตัวอักษรโรมัน และตัวเลขอารบิคที่ใช้ในงานเขียนแบบมี 2 ชนิด คือ
1.1 ตัวอักษรแบบตรง ตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520)
1.2 ตัวอักษรแบบเอียง ตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520)
2. ตัวอักษรภาษาไทย
ตัวอักษรที่ใช้ในราชการ ในปัจจุบันเขียนด้วยคอมพิวเตอร์
เพราะมีความเป็นมาตรฐาน นิยมใช้ 2 รูปแบบ คือ
2.1 ตัวอักษรประดิษฐ์ นิยมใช้ในการเขียนใบประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร การ์ดเชิญร่วมงาน ในพิธีต่างๆ ในการเขียนจะใช้คอมพิวเตอร์ช่วย หรือเขียนด้วยมือเปล่า
2.1 ตัวอักษรประดิษฐ์ นิยมใช้ในการเขียนใบประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร การ์ดเชิญร่วมงาน ในพิธีต่างๆ ในการเขียนจะใช้คอมพิวเตอร์ช่วย หรือเขียนด้วยมือเปล่า
2.2 ชนิดหัวกลม ตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น